The Age of Revolution/ยุคแห่งการปฏิวัติ


The Age of Revolution

ยุคแห่งการปฏิวัติ
Revolution and Reform in England
Enlightenment ideas inspired commoners to oppose monarchies that ruled without concern for the people’s needs. However, the monarchs wouldn’t give up their privileges. In England, Parliament forced the monarchy to change.

การปฏิวัติและการปฏิรูปในประเทศอังกฤษ
            แนวความคิดเรืองปัญญาเป็นแรงบันดาลใจให้คนธรรมดาสามัญลุกขึ้นต่อต้านระบอบกษัตริย์ที่ปกครองโดยปราศจากความห่วงใยในความต้องการของประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม เหล่ากษัตริย์ไม่พอใจจะสละสิทธิพิเศษของตนเอง ในประเทศอังกฤษ รัฐสภาได้บังคับให้ระบอบกษัตริย์ให้มีการเปลี่ยนแปลง

Trouble with Parliament
For many years, the English Parliament and the English monarchy had had an uneasy relationship. Parliament demanded that its rights and powers be respected. However, the monarchy stood for rule by divine right. The relationship between English monarchs and Parliament got worse.


ปัญหามากับรัฐสภา
            นับเป็นเวลาหลายปี รัฐสภาอังกฤษและระบอบกษัตริย์มีความสัมพันธภาพกันอย่างกระท่อนกระแท่น รัฐสภาเรียกร้องให้ยอมรับสิทธิและอำนาจของตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ระบอบกษัตริย์ยังยึดมั่นการปกครองด้วยเทวสิทธิ สัมพันธภาพระหว่างกษัตริย์และรัฐสภาของอังกฤษจึงแย่ลง ๆ

The conflict led to a civil war in 1642. Representatives of Parliament led by Oliver Cromwell took over the country. The king, Charles I, was charged with various crimes and beheaded in 1649. Cromwell became a dictator. The years of his rule were troubled and violent.


          ความขัดแย้งได้นำไปสู่สงครามกลางเมืองในปี ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) ผู้แทนของรัฐสภานำโดยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ขึ้นปกครองประเทศ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดอาชญากรรมหลายอย่างและถูกประหารด้วยการตัดศีรษะในปี ค.ศ. 1649 (พ.ศ. 2192) ครอมเวลล์ กลายเป็นนักปกครองเผด็จการ ปีที่เขาปกครองเกิดความวุ่นวายและและความรุนแรงขึ้น
By 1660 many English people were tired of turmoil and wanted to restore the monarchy. They invited the dead king’s son to return and rule England as Charles II. They made Charles promise to allow Parliament to keep the powers it had won in the civil war. These powers included the right to approve new taxes. Parliament was able to work with Charles II during most of his rule. However, when Charles died and his brother James became king, the trouble began again.


           ประมาณ ค.ศ. 1660 (พ.ศ. 2203) ประชาชนชาวอังกฤษจำนวนมากเบื่อหน่ายความสับสนอลหม่านและต้องการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ พวกเขาจึงอัญเชิญโอรสของกษัตริย์ที่สวรรคตแล้วกลับมาปกครองอังกฤษเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 และให้พระเจ้าชาร์ลส์ทรงรับปากว่าจะคงอำนาจรัฐสภาไว้ รัฐสภาจึงมีชัยชนะในสงครามกลางเมือง อำนาจเหล่านี้ประกอบด้วยสิทธิในการเห็นชอบภาษีใหม่ ๆ รัฐสภาก็สามารถทำงานร่วมกับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้ในช่วงรัชสมัยของพระองค์เป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์สวรรคตและพระภราดาของพระองค์ คือ เจมส์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
James II, an unpopular Catholic, tried to promote his religious beliefs in England, a Protestant country. As a result, Parliament invited the Protestant William of Orange, James’s son-in-law, to invade England. When William and his wife, Mary, arrived in England in 1688, James and his family fled to France.


          พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ซึ่งทรงเป็นคาทอลิกอันไม่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน ทรงพยายามสนับสนุนความเชื่อทางศาสนาของพระองค์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศนับถือโปรเตสแตนต์ เป็นผลให้รัฐสภาได้อัญเชิญพระเจ้าวิลเลียมแห่งออเรนจ์ ผู้ทรงเป็นโปรเตสแตนต์ ซึ่งโอรสบุญธรรมของพระเจ้าเจมส์ เข้ารุกรานประเทศอังกฤษ เมื่อพระเจ้าวิลเลียมและชายา คือ พระนางแมรี เสด็จมาถึงประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1688 (พ.ศ. 2231) พระเจ้าเจมส์และพระประยูรญาติเสด็จหนีไปสู่ฝรั่งเศส

New Rights for the English People
Parliament offered the throne to William and Mary on one condition. They had to accept the English Bill of Rights, a document that listed rights for Parliament and the English people. This document, approved in 1689, drew on the principles of Magna Carta, which limited a ruler’s power and recognized some rights for the people.


สิทธิแบบใหม่สำหรับประชาชนชาวอังกฤษ
            รัฐสภาได้มอบบัลลังก์ให้กับพระเจ้าวิลเลียมและพระนางแมรีด้วยเงื่อนไขเดียว คือ ทั้งสองต้องยอมรับ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองของอังกฤษ  ซึ่งเป็นเอกสารบันทึกรายการสิทธิสำหรับรัฐสภาและประชาชนชาวอังกฤษ เอกสารนี้ได้รับอนุมัติเมื่อ ค.ศ. 1689 (พ.ศ. 2232) เขียนหลักการของมหากฎบัตร ซึ่งเป็นจำกัดอำนาจของนักปกครองและยอมรับสิทธิของประชาชน

Magna Carta had been in place for hundreds of years, but the monarchs had not honored it. William and Mary agreed to honor Magna Carta. They also agreed that Parliament could pass laws and raise taxes. As a result, the monarchs ruled according to laws passed by Parliament. Divine right to rule had ended in England.

          มหากฎบัตรใช้มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว แต่กษัตริย์ก็ไม่เคารพนับถือมหากฎบัตร พระเจ้าวิลเลียมและพระนางแมรียอมรับที่จะให้ความเคารพมหากฎบัตร ทั้งสองพระองค์ยังทรงเห็นด้วยว่ารัฐสภาสามารถผ่านกฎหมายและเพิ่มภาษี เป็นผลให้กษัตริย์ทรงปกครองตามกฎหมายที่ผ่านโดยรัฐสภา เทวสิทธิในการปกครองก็สิ้นสุดลงในประเทศอังกฤษ

The Age of Revolution/ยุคแห่งการปฏิวัติ

George Washington led the colonial army to victory over the British in the American Revolution. In this 1851 copy of a famous painting, Washington is shown leading his troops across the Delaware River to attack British forces.

จอร์จ  วอชิงตัน นำกองทัพอาณานิคมมีชัยชนะเหนืออังกฤษในการปฏิวัติอเมริกา ในสำเนาภาพวาดอันมีชื่อเสียงวาดเมื่อปี 1851 (พ.ศ. 2394) นี้ แสดงให้เห็นวอชิงตันนำกองทัพของเขาข้ามแม่น้ำเดลาแวร์เพื่อโจมตีกองทัพอังกฤษ

Democracy in America
Although the power of the monarchs was limited in England, some people in North America were not satisfied. Colonists there grew increasingly unhappy with both the king and Parliament.



ระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา
            แม้ว่าอำนาจของกษัตริย์จะถูกจำกัดในอังกฤษ ประชาชนบางพวกในอเมริกาเหนือก็ไม่พอใจ ชาวอาณานิคมไม่มีความสุขกับกษัตริย์และรัฐสภามากขึ้น

A New Country
Some colonists disliked the laws and taxes that the British government had imposed. In addition, colonists were used to ruling themselves through their own assemblies, or congresses. They also believed that a faraway king and parliament could not understand life in America.


ประเทศใหม่
            ชาวอาณานิคมบางพวกไม่พอใจกฎหมายและภาษีที่รัฐบาลอังกฤษจัดเก็บ อีกประการหนึ่ง ชาวอาณานิคมเคยปกครองตนเองโดยรัฐสภามาก่อน พวกเขายังมีความเชื่อว่า กษัตริย์และรัฐสภาที่อยู่ห่างไกลอาจจะไม่เข้าใจการดำเนินชีวิตในอเมริกา

Many colonists protested British laws they thought were unfair. As conflict continued, colonial leaders met to resolve the crisis. At this meeting, called the First Continental Congress, the delegates decided to resist the British. Not all colonists wanted independence, but they did want to have fair laws and to feel safe. They created militias, or groups of armed men, to protect themselves from the British troops stationed in the colonies.

ชาวอาณานิคมหลายคนประท้วงกฎหมายของอังกฤษที่พวกเขาคิดว่าไม่ยุติธรรม ขณะที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป ผู้นำอาณานิคมได้พบกันเพื่อแก้ไขวิกฤติ ในการประชุมครั้งนี้ เรียกว่า การประชุมสภาทวีป ครั้งที่ 1 ผู้แทนได้ตัดสินใจต่อต้านอังกฤษ ชาวอาณานิคมทั้งหมดไม่เพียงต้องการความเป็นอิสระเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการมีกฎหมายที่ยุติธรรมและรู้สึกปลอดภัย พวกเขาสร้างกองกำลังทหารหรือกลุ่มคนติดอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองจากกองทัพอังกฤษที่ประจำการอยู่ในอาณานิคม

Fighting began in April of 1775 when a militia exchanged fire with British troops. In 1776 the colonial leaders gathered again. At that meeting, Thomas Jefferson wrote the Declaration of Independence, a document declaring the colonies independence from British rule. Like Magna Carta, the Declaration stated peoples rights to certain liberties. The Declaration begins with a sentence that also expresses Enlightenment ideals:


การต่อสู้เริ่มขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 1775 (พ.ศ. 2318) เมื่อมีกองกำลังติดอาวุธต่อสู้กับกองทัพอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1776 (พ.ศ. 2319) เหล่าผู้นำอาณานิคมก็ได้รวมตัวกันอีกครั้ง ในการประชุมครั้งนั้น ทอมัส เจฟเฟอร์สันได้เขียนคำประกาศอิสรภาพ ซึ่งเป็นเอกสารที่ประกาศเอกราชจากการปกครองของอังกฤษ ของอาณานิคม คำประกาศอิสรภาพคล้ายกับมหากฎบัตร ได้กล่าวถึงสิทธิของประชาชนต่อเสรีภาพบางประการ ปฏิญญานี้เริ่มต้นด้วยประโยคที่แสดงถึงแนวความคิดยุคเรืองปัญญา:

We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable Rights, that among these are Life, Liberty and the Pursuit of Happiness.
from the Declaration of Independence

“เราถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้าผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการที่จะเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการเสาะแสวงหาความสุข”
-       จาก คำประกาศอิสรภาพ
In this passage, the word unalienable means cannot be taken away.” This wording shows the influence of John Lockes ideas about natural rights. In addition, the Declaration of Independence said that people unhappy with their government had the right to change it. This statement builds on the ideas of Rousseau as well as Locke.
The Declaration of Independence was signed by representatives from all of the colonies. A new nationthe United States of Americawas born.


ในข้อความนี้คำว่า unalienable  หมายถึง "ไม่สามารถเพิกถอนได้" คำพูดนี้แสดงถึงอิทธิพลของแนวคิดของ จอห์น  ล็อก เกี่ยวกับสิทธิตามธรรมชาติ  นอกจากนี้ คำประกาศอิสรภาพ ยังได้กล่าวว่า ประชาชนที่ไม่พอใจรัฐบาลของตนมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลง ข้อความนี้สร้างขึ้นจากแนวคิดของ รูโซ และ ล็อก

คำประกาศอิสรภาพได้รับการลงนามโดยตัวแทนจากอาณานิคมทั้งหมด  เกิดประเทศใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา

A New Government
The British government finally agreed to end the fighting and recognize the United States. American leaders then met to form a new government. They wrote a set of rules called the Articles of Confederation. Under the Articles, the central government was weak. The Americans were afraid that a strong central government would be too much like a monarchy. However, the weak government didnt serve the needs of the people. A new government plan was needed.


รัฐบาลใหม่
ในที่สุด รัฐบาลอังกฤษตกลงยุติการต่อสู้และยอมรับสหรัฐฯ ต่อมา ผู้นำชาวอเมริกันได้ประชุมกันเพื่อสร้างรัฐบาลใหม่ พวกเขาเขียนกฎหมายขึ้นชุดหนึ่ง ที่เรียกว่า บทบัญญัติแห่งสมาพันธรัฐ ภายใต้บทบัญญัตินั้น รัฐบาลกลางมีความอ่อนแอ ชาวอเมริกันกลัวว่ารัฐบาลกลางที่เข้มแข็งจะเหมือนกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มากเกินไป อย่างไรก็ตามรัฐบาลที่อ่อนแอไม่ได้ตอบสนองความต้องการของประชาชน จำเป็นต้องมีแผนใหม่ของรัฐบาล

Virginia farmer James Madison was a main author of the new planthe Constitution. This document reflected the ideas of Montesquieu, who had proposed the separation of powers in 1748. In keeping with Montesquieus idea, the Constitution divided power among three branches of government:
The legislative branch, called Congress, would make laws.
The executive branch, headed by the president, would enforce laws.
The judicial branch, or court system, would interpret laws.


ชาวนาเวอร์จิเนีย นามว่า เจมส์  แมดิสัน เป็นผู้เขียนแบบแผนใหม่ คือ รัฐธรรมนูญคนสำคัญ  เอกสารนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของ มงแต็สกีเยอ ผู้เสนอการแยกอำนาจ ในปี ค.ศ. 1748 (พ.ศ. 2291) เพื่อให้สอดคล้องกับความคิดของมงแต็สกีเยอ  รัฐธรรมนูญได้แบ่งอำนาจออกเป็นการปกครองสามสาขา คือ:
สาขากฎหมายที่เรียกว่าสภาคองเกรส จะออกกฎหมาย
สาขาบริหารที่นำโดยประธานาธิบดีจะบังคับใช้กฎหมาย
สาขาตุลาการหรือระบบศาลจะตีความกฎหมาย

The Constitution did not address the rights of women or of slaves, and men without land couldn’t vote. It did, however, guarantee the rights of most citizens.


          รัฐธรรมนูญมิได้ระบุถึงสิทธิของสตรีหรือทาส และมนุษย์ที่ไม่มีที่ดินไม่สามารถลงคะแนนได้ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นการรับรองสิทธิของพลเมืองส่วนใหญ่
Documents of Democracy
The growth of modern democracy was greatly influenced by several key documents, which are shown here.

เอกสารประชาธิปไตย
วิวัฒนาการประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้รับอิทธิพลจากเอกสารสำคัญมากมาย ซึ่งแสดงในที่นี้


The Age of Revolution/ยุคแห่งการปฏิวัติ




The Age of Revolution/ยุคแห่งการปฏิวัติ


มหากฎบัตร




Magna Carta (1215)
Limited the power of the monarchy
Identified peoples rights to property
Established peoples right to trial by a jury

มหากฎบัตร (ค.ศ. 1215 = พ.ศ. 1758)
- จำกัดอำนาจของระบอบกษัตริย์
- ระบุสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล
- กำหนดสิทธิของประชาชนในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน



ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองของอังกฤษ


The English Bill of Rights (1689)
Outlawed cruel and unusual punishment
Guaranteed free speech for members of Parliament

ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองของอังกฤษ (ค.ศ. 1689 = พ.ศ. 2232)
- การลงโทษที่โหดร้ายและผิดปกติเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
- รับประกันอิสรภาพในการพูดแก่สมาชิกรัฐสภา

The French Revolution
As the Americans fought for and created a new nation, the French people paid close attention to events. They were inspired by the Americans to fight for their own rights.


การปฏิวัติฝรั่งเศส
เมื่อชาวอเมริกันต่อสู้เพื่อสร้างชาติขึ้นใหม่ ชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นั้น พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากชาวอเมริกันในการต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง

An Unfair Society
The French king ruled over a society split into three groups called estates. The clergy were members of the First Estate and enjoyed many privileges. Nobles made up the Second Estate. They held important positions in the military, the government, and the courts.


สังคมที่ไม่เป็นธรรม
กษัตริย์ฝรั่งเศสปกครองเหนือสังคมที่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มเรียกว่า ฐานันดร พระสงฆ์เป็นสมาชิกฐานันดรที่ 1 และได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ขุนนาง อยู่ในฐานันดรที่ 2 พวกเขามีตำแหน่งสำคัญในกองทัพ รัฐบาล และศาล

Most French people belonged to the Third Estate. Included were peasants, craftworkers, and shopkeepers. The Third Estate paid the highest taxes but had few rights. Many members of the Third Estate were poor and hungry. They felt that the king didn’t understand their problems.
While the common people starved, King Louis XVI had fancy parties. His queen, Marie-Antoinette, spent huge amounts of money on clothes.


ประชาชนชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่อยู่ในฐานันดรที่ 3 รวมถึงชาวบ้านช่างฝีมือและเจ้าของร้าน ฐานันดรที่ 3 จ่ายภาษีสูงที่สุด แต่มีสิทธิเพียงเล็กน้อย สมาชิกหลายคนของฐานันดรที่ 3 ยากจนและหิวโหย พวกเขารู้สึกว่ากษัตริย์ไม่เข้าใจปัญหาของพวกเขา
ในขณะที่คนทั่วไปหิวโหย พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กลับจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อันหรูหรา พระราชินีของพระองค์ คือ มารี อ็องตัวแน็ต ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับการซื้อเสื้อผ้า

Meanwhile, the government was badly in debt. Louis XVI wanted to raise money by taxing the rich. To do so, in 1789 he called together members of the three estates.

ในขณะที่รัฐบาลตกอยู่ภาวะเลวร้ายในความเป็นหนี้  พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องการระดมเงินด้วยการเก็บภาษีคนรวย เมื่อต้องการทำเช่นนั้น ในปี ค.ศ. 1789 (พ.ศ. 2332) พระองค์ได้เรียกสมาชิกฐานันดรทั้ง 3 มารวมตัวกัน

The meeting did not go smoothly. Some members of the Third Estate were familiar with Enlightenment ideas. These members demanded a real voice in the meetings decisions. Eventually, the Third Estate members formed a separate group called the National Assembly. This group demanded that the king accept a constitution limiting his powers.


การประชุมไม่ได้ราบรื่น สมาชิกบางคนของฐานันดรที่ 3 คุ้นเคยกับแนวคิดเรืองปัญญา สมาชิกเหล่านี้ต้องการเสียงที่สมจริงในการตัดสินใจของที่ประชุม ในที่สุดสมาชิกของฐานันดรที่ 3 ได้จัดตั้งกลุ่มแยกออกไป เรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ กลุ่มนี้เรียกร้องให้กษัตริย์ยอมรับรัฐธรรมนูญ ด้วยการจำกัดอำนาจของตน

Louis XVI refused to agree to such demands, angering the common people of Paris. Violence broke out on July 14, 1789. On that day a mob stormed a Paris prison, the Bastille. After forcing the guards to surrender, the mob took guns stored inside the building and freed the prisoners. The French Revolution had begun.


          พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ปฏิเสธการยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าว จึงทำให้ประชาชนทั่วไปในกรุงปารีสเกิดความโกรธแค้น ความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 (พ.ศ. 2332) ในวันนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบุกคุกปารีส คือ คุกบัสตีย์ หลังจากบังคับให้ยามรักษาการณ์ยอมจำนน ฝูงชนก็เอาปืนที่เก็บไว้ในอาคารและปล่อยนักโทษ การปฏิวัติฝรั่งเศสก็เริ่มขึ้น

ยุคแห่งการปฏิวัติ




ยุคแห่งการปฏิวัติ



คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา

The United States Declaration of Independence (1776)
Declared that people have natural rights that governments
must protect
Argued that people have the right to replace their government

คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา
- ประกาศว่า บุคคลมีสิทธิตามธรรมชาติที่รัฐบาลจะต้องปกป้อง
- มีการโต้แย้งว่า คนมีสิทธิ์ที่จะทำหน้าที่แทนรัฐบาลของตนได้



การประกาศสิทธิของมนุษย์และพลเมืองของฝรั่งเศส

The French Declaration of the Rights of Man and of the Citizen (1789)
Stated that the French government received its power from the people
Strengthened individual rights and equality

การประกาศสิทธิของมนุษย์และพลเมืองของฝรั่งเศส (ค.ศ. 1789 = พ.ศ. 2332)
- ระบุว่ารัฐบาลฝรั่งเศสได้รับอำนาจจากประชาชน
- ทำให้สิทธิและความเสมอภาคของปัจเจกบุคคลให้เข้มแข็ง

Revolution and Change
After the Bastille fell, the revolution spread to the countryside. Peasants there were afraid that the king and nobles would crush the revolution. In events called the Great Fear, peasants took revenge on their noble landlords for years of poor treatment. In their rage and fear, the peasants burned country houses and monasteries.


การปฏิวัติและการเปลี่ยนแปลง
หลังจากคุกบัสตีย์แตก การปฏิวัติก็แพร่กระจายไปสู่ชนบท ชาวไร่ชาวนากลัวว่ากษัตริย์และขุนนางจะสลายการปฏิวัติ ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า ความกลัวครั้งยิ่งใหญ่ ชาวไร่ชาวนาได้แก้แค้นเจ้าของที่ดินที่เป็นชนชั้นสูงของตนเองเป็นเวลาหลายปีที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร้ความปรานี ด้วยความโกรธและความหวาดกลัว ชาวไร่ชาวนาได้เผาบ้านเรือนและวัดวาอารามต่าง ๆ

Other leaders of the revolution were taking peaceful steps. The National Assembly wrote a constitution. It included some of the same ideas found in the writings of Enlightenment philosophers, the English Bill of Rights, and the Declaration of Independence. Called the Declaration of the Rights of Man and of the Citizen, this document guaranteed some freedoms for citizens and distributed the payment of taxes more fairly. Among the rights the Declaration supported were freedom of speech, of the press, and of religion. It also guaranteed that men could take part in the government.


เหล่าผู้นำปฏิวัติคนอื่น ๆ กำลังดำเนินการอย่างสงบ สมัชชาแห่งชาติเขียนรัฐธรรมนูญ รวมถึงบางส่วนของความคิดแบบเดียวกันที่พบในงานเขียนของนักปราชญ์ยุคเรืองปัญญา คือ บัญญัติว่าด้วยพื้นฐานของพลเมืองสิทธิของอังกฤษและการประกาศอิสรภาพ เอกสารฉบับนี้ ซึ่งเรียกว่า ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและพลเมือง รับรองสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนและกระจายการจ่ายภาษีให้เป็นธรรมมากขึ้น ในบรรดาสิทธิ ปฏิญญาที่ได้รับการสนับสนุน คือ อิสรภาพในการพูด  การตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ และศาสนา นอกจากนี้ยังรับประกันได้ว่าผู้ชายจะมีส่วนร่วมในรัฐบาล

Louis XVI was forced to accept the new laws, but new laws did not satisfy the revolutions leaders. In 1792 they ended the monarchy and created a republic. The next year, the leaders put Louis XVI on trial and executed him.


พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกบังคับให้ยอมรับกฎหมายใหม่ แต่กฎหมายใหม่ไม่เป็นที่พอใจของเหล่าผู้นำการปฏิวัติ ในปี ค.ศ. 1792 (พ. ศ. 2335) พวกเขาได้ยุติระบอบกษัตริย์และสร้างระบอบสาธารณรัฐ ปีต่อมา เหล่าผู้นำเหล่านั้น ได้นำพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มาพิจารณาคดีและประหารชีวิตพระองค์

Facing unrest, in 1793 the new French government began to order trials of anyone who questioned its rule. In the period that followed, called the Reign of Terror, thousands of people were executed with the guillotine. This machine beheaded victims quickly with a heavy blade. The Reign of Terror ended when one of its main leaders, Maximilien Robespierre, was himself executed in July of 1794.


          เมื่อเผชิญหน้ากับความไม่สงบ ในปี ค.ศ. 1793 (พ.ศ. 2336) รัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศส เริ่มสั่งสอบสวนผู้สงสัยการปกครอง ในช่วงต่อมาเรียกว่า สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว  ผู้คนนับพันคนถูกประหารชีวิตโดยใช้เครื่องประหารชีวิต (กีโยติน) เครื่องนี้จะตัดศีรษะผู้เคราะห์ร้ายอย่างรวดเร็ว ด้วยใบมีดขนาดใหญ่ สมัยแห่งแห่งความน่าสะพรึงกลัวสิ้นสุดลง เมื่อผู้นำคนสำคัญคนหนึ่ง นามว่า มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ (Maximilien Robespierre) ถูกประหารชีวิตในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 1794 (พ.ศ. 2337)

Although the Reign of Terror was a grim chapter in the story of the French Revolution, the revolution wasn’t a failure. Eventually, France created a democratic government. Enlightenment ideas about freedom were powerful. Once they took hold, they would not go away. Many Europeans and Americans enjoy freedoms today thanks to Enlightenment ideas.


แม้ว่าสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวคือบทเรียนที่น่ากลัวในเรื่องราวของการปฏิวัติฝรั่งเศส  การปฏิวัติก็ไม่ใช่ความล้มเหลว ในที่สุด ฝรั่งเศสก็ได้สร้างรัฐบาลประชาธิปไตย แนวความคิดเรืองปัญญาเกี่ยวกับอิสรภาพก็มีประสิทธิภาพ ทันที่เกิดความเข้มแข็ง มันก็ไม่น่าจะสิ้นสุดลง ชาวยุโรปและอเมริกันจำนวนมากได้รับเสรีภาพในทุกวันนี้ เนื่องมาจากแนวความคิดเรืองปัญญา


ยุคแห่งการปฏิวัติ

During the French Revolution, about 6,000 women marched to the palace at Versailles to demand bread from the king.

ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ผู้หญิงประมาณ 6,000 คน เดินขบวนไปที่พระราชวังแวร์ซายเพื่อขอการขนมปังจากกษัตริย์